ความจำ สิ่งมหัศจรรย์ของสมองมนุษย์
ผมเคยคิดเล่นๆมานานแล้วว่า ทำไมความจำของมนุษย์เรา จึงลืมบางสิ่งและจำบางสิ่งได้ พูดง่ายๆว่าสิ่งที่อยากจะจำกลับลืม สิ่งที่อยากจะลืมกลับจำได้ อาทิ ผมเคยจำเรื่องต่างๆในชีวิตสมัยที่ผมเป็นเด็กๆได้ บางเรื่องมันผุดขึ้นมาในความทรงจำเป็นครั้งคราว คล้ายๆกับว่ากลไกของสมองมันหมุนเวียนความจำนั้นๆขึ้นมาเหมือนเราฉายภาพสไลด์ มีนักวิชาการทางด้านจิตตวิทยาเคยพูดว่า การลืมเรื่องต่างๆของสมองเป็นสิ่งที่ดี มิเช่นนั้นมนุษย์เราจะไม่มีความสุขเลย ถ้าสมองเราไม่ลืมเรื่องอะไรเลยในชีวิต มันคงสับสนวุ่นวายมาก

ปัจจุบันนี้ผมมักมีอาการตามที่กล่าวมาบ่อยๆ เช่น ผมเคยใช้โปรแกรมคอมฯบางโปรแกรม อยู่ๆมันกลับลืม หรือบางครั้งไปเข้าอบรมสัมมนามา เพียงวันเดียวกลับลืมบางเรื่องที่รับรู้มา ขอยกคำโบราณมาอ้างอิงอีกวลีหนึ่งคือ “จดดีกว่าจำ” เห็นใหมที่ผมยกคำโบราณมาอ้างอิงทั้งสองอย่างนี้ ผมเคยได้ยินมานานหลายสิบปีแล้ว มันก็ยังจำได้ไม่ลืมเลย
ชีวิตประจำวันของผมส่วนหนึ่งผมจะทำงานด้วยเครื่องคอมฯ เช่นการเข้าดูเว็บไซต์ต่างๆ การเข้าเขียนบล็อกหรือเว็บไซต์ส่วนตัว และบางครั้งการอัพโหลดภาพจากกล้องมือถือหรือกล้องดิจิตัล เพื่อเก็บในไฟล์ภาพในคอมฯ ผมมักจะลืมเป็นบางครั้ง ซึ่งทำให้การทำงานยุ่งยากพอสมควร
เคยมีนักพูดอาชีพบางท่านเคยสอนเรื่องการพัฒนาความจำ ให้สามารถจำเรื่องต่างๆได้ เช่น ชื่อบุคคลที่เคยรู้จัก เบอร์โทรศัพท์ ฯลฯ โดยจะมีหลักการในการอ้างอิงเชื่อมโยงกับสิ่งที่จะจำ เป็นต้น โรคที่เกี่ยวกับความจำและผู้คนกลัวกันมากคือ โรคอัลไซเมอร์ หรือโรคความจำเสื่อมที่มักจะเกิดกับผู้สูงอายุ ที่อันตรายมากๆคือจะไม่สามารถจำอะไรได้เลย แม้กระทั่งชื่อตัวเอง ชื่อบุคคลที่อยู่ใกล้ชิด ไปไหนมักจะหาทางกลับบ้านไม่ได้ ผู้ใกล้ชิดจะต้องดูแลอย่างดี
ผมเคยได้รับคำชมจากผู้คุ้นเคยว่าเป็นผู้ที่มีความจำดีพอสมควร เช่นเวลาคุยเรื่องอะไรกันโดยเฉพาะเรื่องในอดีต ผมมักจำได้เสมอๆไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะผ่านมานานหลายสิบปีแล้ว ผมเคยเขียนอัตชีวประวัติของผมไว้เรื่องหนึ่ง ชื่อ”สานฝันไว้ในอดีต” เริ่มตั้งแต่ผมถือกำเนิดขึ้นมา เข้าเรียนชั้นประถม มัธยม อาชีวศึกษา อายุครบบวช ทำงานครั้งแรกที่ไหน มาถึงงานสุดท้ายที่เกษียณ เรื่องราวทั้งหมดผมจำได้ดีเสมือนเรื่องราวนั้นๆเพิ่งผ่านไปเมื่อวานนี้ นี่คือความมหัศจรรย์ของสมอง แต่ท่านเชื่อใหมว่าเรื่องที่ผมมีความกลุ้มใจวันนี้เกี่ยวกับความจำของผมคือ ผมจำไม่ได้ว่าเอาแผ่นซีดีคู่มือการใช้กล้องดิจิตัลวางไว้ที่ไหน เมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง
หลายคนเคยปรารภกับผมว่าเขากลุ้มใจ ที่เวลาเขาออกจากบ้านไปธุระเขากลับกังวลใจว่า ปิดไฟฟ้าที่ห้องแต่งตัวแล้วหรือยัง ถอดปลั๊กไฟหม้อต้มน้ำร้อนหรือยัง ฯลฯ อาการแบบนี้หมอทางจิตเวชเขาเรียกว่า อาการย้ำคิดย้ำทำ มันทำให้ชีวิตค่อนข้างสับสนพอสมควร สำหรับผมนั้นพยายามพัฒนาความจำให้มันมีประสิทธิภาพอยู่เสมอ เช่น การใช้งานคอมฯ การใช้มือถือสมาร์ตโฟน เป็นต้น หรืออีกกรณีหนึ่งการพยายามเชื่อมโยงสิ่งที่ต้องทำให้มันสัมพันธ์กัน อาทิ เมื่อจะเสียบหม้อต้มน้ำร้อนไฟฟ้า ก็จะต้องเปิดดูว่ามีน้ำพอหรือไม่ เมื่ออาบน้ำแล้วออกจากห้องก็จะไม่ลืมที่จะปิดไฟในห้องน้ำ ชงกาแฟตอนเช้าแล้วก็ไม่ลืมที่จะถอดปลั๊กไฟฟ้า เมื่อดื่มกาแฟและทานอาหารว่างช่วงเช้าแล้วก็ไม่ลืมจะทานยาประจำตัว โดยไม่ต้องให้คนในครอบครัวมาเตือนอยู่เสมอๆ
การหางานอดิเรกทำบ้างในชีวิตประจำวันก็เป็นวิธีหนึ่งในการพัฒนาความจำ และยังช่วยให้ไม่เหงาในวัยสูงอายุ ฉะนั้นผมจึงมีสโลแกนเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของผมดังนี้คือ “ถ่ายรูป ฟังเพลงเก่า เล่าความหลัง(ความจริงเขียนบล็อก) นั่งเล่นเน็ต” ใครจะนำไปใช้บ้างก็ไม่สงวนลิขสิทธิ์ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น