1. ตั้งสติ เมื่อพบว่าประจำเดือนขาด หรือมาไม่ตรงเวลา สิ่งที่จำเป็นต้องทำคือลองซื้อที่ตรวจครรภ์มาเช็คให้แน่ใจว่าตั้งครรภ์หรือไม่ หากผลปรากฏว่าไม่ตั้งครรภ์ และประจำเดือนยังไม่มาก็ต้องลองเช็คซ้ำโดยเว้นระยะเวลาสักสัปดาห์หนึ่ง แต่ถ้าตรวจพบว่าตั้งครรภ์ สิ่งที่ต้องทำอย่างแรกคือ ตั้งสติ สูดหายใจเข้าลึก ๆ อย่าเพิ่งตื่นตระหนก หรือกังวลมากจนเกินไป เพราะทุกปัญหาย่อมมีทางออก
2. บอกพ่อของเด็ก รีบบอกพ่อของเด็กเพื่อช่วยกันคิด ช่วยกันวางแผนว่าจะทำอย่างไรต่อไป และสิ่งที่ควรทำก็คือการไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล ตรวจอายุครรภ์และตรวจสุขภาพของแม่และลูกว่าแข็งแรงดีหรือไม่
3. ระบายความอึดอัดกับเพื่อนสนิท ถึงเรื่องนี้อาจจะเป็นความลับที่คุณไม่อยากให้ใครรู้ แต่เพื่อนสนิทก็มีไว้รับฟังความอัดอั้นตันใจ ถ้ายังไม่กล้าบอกคนในครอบครัว ให้ลองระบายความในใจกับเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้และรู้จักคุณดี เผื่อจะได้แง่มุมอะไรดี ๆ ที่ทำให้คุณสบายใจขึ้น
4. บอกครอบครัว นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับคุณ เพราะพ่อแม่หลายคนอาจยังยอมรับเรื่องท้องก่อนแต่งไม่ได้ คุณเองก็กลัวที่จะทำให้พวกท่านต้องผิดหวังและเสียใจ แต่เชื่อเถอะว่า รักของพ่อแม่นั้นยิ่งใหญ่พอที่จะให้อภัยความผิดพลาดของลูกได้เสมอ และแน่นอนว่าท่านจะต้องดีใจที่กำลังจะได้อุ้มหลาน จงกล้าที่จะเดินไปบอกความจริงกับท่าน ไม่ว่าช้าหรือเร็วท่านก็ต้องรู้ อย่างไรก็ดีควรหาจังหวะเวลาและโอกาสที่เหมาะสม อย่าบอกตอนที่ท่านกำลังมีเรื่องเครียดหรือไม่สบายใจ และการบอกความจริงกับพวกท่านยังถือเป็นการให้เกียรติพวกท่าน นอกจากนี้ก็ยังอาจได้รับคำแนะนำดี ๆ ว่าควรเดินหน้าต่อไปอย่างไรให้ถูกต้องเหมาะสมจากพวกท่านด้วย
5. กล้าตัดสินใจและเดินหน้าต่อ เมื่อยอมรับความจริงและบอกคนใกล้ชิดให้รับรู้เรื่องนี้แล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ เช่น รีบจัดงานแต่งงานให้เร็วที่สุด หรือไม่พร้อมจัดงานแต่งงานก็อาจพากันไปจดทะเบียนสมรส หรือพากันไปขอขมาและประกาศให้ผู้หลักผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายได้รับรู้ หรือบอกข่าวดีนี้ให้เพื่อนพ้องได้รับรู้ เป็นต้น จากนั้นควรดำเนินชีวิตต่อไปตามปกติ อย่ามัวแต่คิดมากกังวลว่าผู้คนรอบตัวจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับเรื่องนี้ เพราะเราห้ามความคิดใครไม่ได้ แต่จงดูแลจิตใจและสุขภาพของตัวเองและลูกให้ดีที่สุด
2. บอกพ่อของเด็ก รีบบอกพ่อของเด็กเพื่อช่วยกันคิด ช่วยกันวางแผนว่าจะทำอย่างไรต่อไป และสิ่งที่ควรทำก็คือการไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล ตรวจอายุครรภ์และตรวจสุขภาพของแม่และลูกว่าแข็งแรงดีหรือไม่
3. ระบายความอึดอัดกับเพื่อนสนิท ถึงเรื่องนี้อาจจะเป็นความลับที่คุณไม่อยากให้ใครรู้ แต่เพื่อนสนิทก็มีไว้รับฟังความอัดอั้นตันใจ ถ้ายังไม่กล้าบอกคนในครอบครัว ให้ลองระบายความในใจกับเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้และรู้จักคุณดี เผื่อจะได้แง่มุมอะไรดี ๆ ที่ทำให้คุณสบายใจขึ้น
4. บอกครอบครัว นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับคุณ เพราะพ่อแม่หลายคนอาจยังยอมรับเรื่องท้องก่อนแต่งไม่ได้ คุณเองก็กลัวที่จะทำให้พวกท่านต้องผิดหวังและเสียใจ แต่เชื่อเถอะว่า รักของพ่อแม่นั้นยิ่งใหญ่พอที่จะให้อภัยความผิดพลาดของลูกได้เสมอ และแน่นอนว่าท่านจะต้องดีใจที่กำลังจะได้อุ้มหลาน จงกล้าที่จะเดินไปบอกความจริงกับท่าน ไม่ว่าช้าหรือเร็วท่านก็ต้องรู้ อย่างไรก็ดีควรหาจังหวะเวลาและโอกาสที่เหมาะสม อย่าบอกตอนที่ท่านกำลังมีเรื่องเครียดหรือไม่สบายใจ และการบอกความจริงกับพวกท่านยังถือเป็นการให้เกียรติพวกท่าน นอกจากนี้ก็ยังอาจได้รับคำแนะนำดี ๆ ว่าควรเดินหน้าต่อไปอย่างไรให้ถูกต้องเหมาะสมจากพวกท่านด้วย
5. กล้าตัดสินใจและเดินหน้าต่อ เมื่อยอมรับความจริงและบอกคนใกล้ชิดให้รับรู้เรื่องนี้แล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ เช่น รีบจัดงานแต่งงานให้เร็วที่สุด หรือไม่พร้อมจัดงานแต่งงานก็อาจพากันไปจดทะเบียนสมรส หรือพากันไปขอขมาและประกาศให้ผู้หลักผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายได้รับรู้ หรือบอกข่าวดีนี้ให้เพื่อนพ้องได้รับรู้ เป็นต้น จากนั้นควรดำเนินชีวิตต่อไปตามปกติ อย่ามัวแต่คิดมากกังวลว่าผู้คนรอบตัวจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับเรื่องนี้ เพราะเราห้ามความคิดใครไม่ได้ แต่จงดูแลจิตใจและสุขภาพของตัวเองและลูกให้ดีที่สุด
ข้อมูลจาก http://th.theasianparent.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น